ขอเกริ่นไปตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปีนั้นการเรียนพิเศษวิชาสังคมศึกษาเข้มข้น วิชาประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในสาระการเรียนรู้ที่ออกสอบสำคัญมากในการทำคะแนน
"การเลิกทาส" ถูกเอามา repeat ในข้อสอบซ้ำๆ และนี่คือส่วนหนึ่งของสิ่งที่สถาบันกวดวิชา และครูให้เราท่องจำ
- การเลิกทาสเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
- รัชกาลที่ 5 ทรงให้ความสำคัญกับความเสมอภาค และส่งเสริมความเท่าเทียมกันในคุณค่าของความมนุษย์
- การเลิกทาสนับเป็นหนึ่งในสัญญะของความเจริญที่ทำให้นานาประเทศเห็นความเป็นอารยะในช่วงของการล่าอาณานิคม ทำให้เชื่อว่าไทยคือประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญทางวัฒนธรรม เป็นผลดีต่อการรักษาเอกราช
- ประชาชนจะน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 5 ในวันเลิกทาส 1 เมษายน 2448 เป็นวันสำคัญหนึ่งในประวัติศาสตร์
แต่พอเราเติบโตขึ้น ความรู้นอกตำราและเกร็ดประวัติศาสตร์จากหลักฐานที่มี ไม่ได้เล่าแบบที่ให้เราจำเพื่อเชิดชูเกียรติบุคคล แต่พยายามเล่าความจริงในวิกฤติที่สถาบันพระมหากษัตริย์เผชิญ และนำไปสู่การเลิกทาส
การเลิกทาส เหตุผลหลักที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของการส่งเสริมความเป็นมนุษย์ และความเสมอภาคเสียทั้งหมดตามที่เรียนมาตอนมัธยมปลาย แต่ความจริงแล้วคือปัญหาที่ราชวงศ์เผชิญในตอนนั้น
1) สมัยนั้น เป็นยุคที่ขุนนางบางตระกูลเรืองอำนาจและมีโอกาสกระด้างกระเดื่อง คือ 'ตระกูลบุนนาค'
2) การซ่องสุมทาสบริวารจำนวนมากเป็นเรื่องอันตรายต่อพระราชอำนาจ เพราะพวกข้าทาสที่ขุนนางตระกูลใหญ่โตได้สะสมไว้สามารถแปรเปลี่ยนเป็นกำลังพล ที่อาจออกรบได้ นั่นหมายความว่ามีโอกาสเป็นปรปักษ์ อาจก่อกบฏได้ และทำลายราชวงศ์ได้ทุกเมื่อ ดังนั้น การเลิกทาส คือหนึ่งในกุศโลบายของการตัดกำลังตระกูลขุนนางให้ลดทอนกำลังอำนาจลง
3) หลักฐานของประเด็นข้างต้นอยู่ในจดหมายที่รัชกาลที่ 5 นำส่งถึง "เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ" ได้บรรยายถึงปัญหาของการ “ไร้พระราชอำนาจ” ในตัวพระองค์ ขณะขึ้นครองราชย์ เนื่องจากอำนาจทั้งหมดตกไปอยู่ในมือขุนนางตระกูลบุนนาค ใจความสำคัญคือ
“ฝ่ายญาติข้างพ่อ คือเจ้านายทั้งปวง
ก็ตกอยู่ในอำนาจสมเด็จเจ้าพระยา (ช่วง บุนนาค)”
สรุปได้ว่า การเลิกทาส ก็เป็นหนึ่งในการรักษาประโยชน์ส่วนพระองค์ในการรักษาอำนาจและความมั่นคงของตนไว้ได้
ตอนเราอ่านเรื่องนี้จบ ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราเรียนมา และมั่นหน้าว่าข้าเก่งในวิชาประวัติศาสตร์ มันช่างโง่เขลา เขาไม่ได้สอนตำราประวัติศาสตร์ที่แท้จริงให้ฉันเสียหน่อย
"ฉันได้เรียนประวัติศาสตร์...แค่ให้รู้ในส่วนที่ผู้มีอำนาจอยากให้รู้ ให้จำ ไม่ใช่ทั้งหมดของมัน..."
ข้อมูลมาจาก : จดหมายของ ร.5
และเรื่องราวนี้ถูกนำเสนอต้นทางโดย
twitter : ประวัติศาสตร์แนวเอียง
#ThinkTalkLoud